จากปัตตานีสู่ปากลัด 2

          จากตอนที่แล้ว ผมต้องขอขอบคุณทุกความเห็นที่ได้แสดงความรู้สึกที่เป็นประโยชน์มาก ผมต้องเรียนว่าผมเป็นคนรุ่งหลังๆ สิ่งที่เล่ามาคือตำนานที่คนรุ่นผู้ใหญ่ได้เล่าสืบต่อกันมา รุ่นต่อรุ่น
เมื่อมาบวกกับหลักฐานสำคัญจึงทำให้เราได้ประติดประต่อร่องรอยทางประวัติศาสตร์ ตัวผมเองได้รับอิทธิพลมาจากคุณพ่อ ที่ท่านสนใจในประวัติศาสตร์และเครือญาติ ที่สำคัญมากๆคือความจำท่านเป็นเลิศ ที่สามารถเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์แบบเล่ากี่ครั้งก็เหมือนเดิมจนลูกหลานให้ฉายาว่า “เทปคราสเซ็ท” ที่ผมจะต้องกล่าวถึงแชบะห์เป็นลำดับแรกก็เพื่อที่จะเรียนให้ทราบว่า หากไม่ได้หลักฐานสำคัญที่ท่านได้ทำไว้ เราคงไม่รู้ที่มาที่ไปและเครือญาติลึกถึงขนาดนี้ ด้วยกับแชบะห์คืออุลามอฺคนสำคัญของปากลัด ตำรับตำราท่านมากมาย หลายปีก่อนลูกหลานจะทำการเก็บกีตาบท่านเพื่อจัดวางให้เรียบร้อย ปรากฏว่าไปพบเอกสารที่เป็นบันทึกด้วยมือ ซ่อนอยู่ในกีตาบ บันทึกดังกล่าวเป็นภาษามลายู เมื่อนำมาอ่านดู ข้อความเขียนถึงชื่อบุคคล โดยบันทึกชื่อของบุคคลชั้นแรกๆจนมาถึงบุคคลยุคปัจจุบัน ปัจจุบันที่ว่านี้คือในสมัยนั้น ที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ เมื่อลูกศิษย์ท่านมาดูก็ยืนยันว่าเป็นลายมือแชบะห์แน่นอน ท่านบันทึกไว้สองกลุ่ม คือกลุ่มที่ 1. อิม่ามดามุฮิ ตอเตบดะมาลี บิหล่านยะห์ยา กลุ่มที่ 2. ดอยี ดอเมาะห์ โต๊ะวาพะนา

แชบะห์บันทึกสิ่งนี้ด้วยเป้าหมายอะไรเราไม่ทราบ เพราะเรามาเจอบันทึกของท่าน ในขณะที่ท่านถึงแก่อะญัลไปนานมากแล้ว แต่กีเซ็ม ท่านเล่าให้ผมฟังว่า มีเรื่องสะกิดใจนิดเดียวที่เป็นสาเหตุให้ท่านทำ คือวันหนึ่งมีคนเสียชีวิต เพื่อนบ้านถามว่าไม่ไปเยี่ยมญาติหรือเขาเสียชีวิต ท่านไม่รู้ว่าคนนั้นคือญาติ คำว่าญาตินี้แหละทำให้ท่านต้องใช้เวลากว่า 50 ปีในการสืบและบันทึกเครือญาติ เรื่องกีเซ็มค่อยว่ากันนะครับ สมองผมเริ่มตีรวนละครับ สำลักข้อมูล

          บุคคลกลุ่มแรกๆที่มาต่อยอดคือ ฮัจยีเลาะห์(เล้าเป็ด) ฮัจยีบดินทร์ ระดิ่งหิน และฮัจยีสุรชัย(ยีเดาะห์) วรรณจิยี โดยเฉพาะฮัจยีเลาะห์เล้าเป็ดได้ต่อยอดไว้เป็นจำนวนมาก ท่านไปสืบที่สวนพริกไทย บางโพ คลองหนึ่ง ข้อมูลของท่านเราได้นำมาใช้ประโยชน์มาก

ต่อมาฮัจยีกอเซ็ม อิสลาม(กีเซ็ม) จากบ้านสะพานยาม จ.อยุธยา ท่านก็ทำไว้อีกกลุ่มหนึ่ง คือ โต๊ะวังยะมีละห์ โต๊ะวังมัรยัม

จากกีเซ็มที่ท่านสืบพบญาติที่ใดท่านก็จะนำลูกหลานมาเยี่ยมเยียน จนมาพบกับกลุ่มทางปากลัด เพราะโต๊ะวังมัรยำ ตามบันทึกของท่าน ผู้เป็นน้องมาอยู่ปากลัด ลูกหลานทางสายนี้จึงเต็มบ้านปากลัด เมื่อท่านทราบว่า กลุ่มทางปากลัดมีการโยกย้ายไปอยู่ จ.นครศรีฯ ที่หมู่บ้านแสงวิมาน ท่านก็ตามไป

มีครั้งหนึ่งครูสุอิบ แสงวิมาน(ศิษย์แชบะห์) แต่งงานลูกสาวท่าน กีเซ็มนำรถบัสวีไอพีพาลูกหลานจาก จ.อยุธยา ไปร่วมงาน คืนงานสุกดิบ เรามีการเสวนาพูดคุยกัน บนเวทีเล็กๆ ผมเป็นผู้ดำเนินรายการเอง ได้มีการเชิญกีเซ็ม ร่วมวงเสวนาด้วย ทุกประโยคทุกคำพูดทำให้พวกเรา “อึ่ง” มองเห็นความสำคัญของเครือญาติขึ้นมาทันทีแบบเป็นรูปธรรม ทั้งที่เมื่อก่อนก็รู้ว่าใครญาติ แต่ไม่คิดที่จะสืบสาวราวเรื่อง

จากงานครั้งนั้น มันจุดประกายให้คนกลุ่มหนึ่ง มีฮัจยีบดินทร์ ระดิ่งหิน ฮัจยีสุรชัย วรรณจิยี ลูกๆของกีกอเซ็ม(ฮัจยีอัชอะรี) อ.สอาด แสงวิมาน(ลูกครูสุอิบ) ผม และอีกหลายๆคน หันมาจับกลุ่มกันทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง เรามีการคุยกันทุกๆเดือน จนกลายมาเป็นนัดคุยกันตามชุมชนที่เครือญาติอยู่ ใครพร้อมก็แจ้งมา ตอนนั้นผมเองทำหน้าที่ประสานงาน โดยผมจะทำข่าวสารเล็กๆส่งไปยังเครือญาติที่เรามีข้อมูลอยู่

กีกอเซ็มมักจะนัดพูดคุยแบบกลุ่มใหญ่ๆเสมอๆเพราะท่าน พร้อมในหลายๆด้าน เพราะทั้งหมู่บ้านญาติกันทั้งหมด ตัวกีกอเซ็มเองท่านเป็นอดีตอิม่าม ปัจจุบันลูกท่านก็ทำหน้าที่นี้ ลูกๆทุกคนเอาเรื่องนี้หมด ครั้งหนึ่งเราเคยจัดชุมนุมเครือญาติแล้วเชิญ ดร.จรัญ มะลูลีม มาพูดเรื่องนี้ ทำให้กลุ่มพวกเราเห็นความสำคัญ ในเชิงประวัติศาสตร์และเครือญาติมากขึ้น

อ.สอาด ช่วงนั้นสอนอยู่ที่อิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทย รับหน้าที่ด้านการเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอเป็บแบบผังและเก็บบันทึกข้อมูล ส่วนฮัจยีบดินทร์ และฮัจยีสุรชัย รับหน้าที่ตามเก็บข้อมูล เพราะทั้งสองท่านพอจะมีเวลาว่าง โดยเฉพาะฮัจยีสุรชัย ท่านเกษียณอายุราชการพอดี ท่านนี้มีประโยชน์ต่องานชิ้นนี้มาก เพราะท่านทำงานที่สำนักงานสถิติ ท่านจึงเข้าใจเรื่องของการเก็บข้อมูลเป็นอย่างดี เราไปกันทุกที่เช่นกัน สวนพริกไทย บางโพธิ์ คลองหนึ่ง ไม่ว่าที่ไหน ไปกัน แต่มันก็เจอปัญหาอุปสรรค์จนได้ เมื่อสืบเจอญาติบางคนที่มีอันจะกิน ก็มองกลุ่มเราด้วยความหวาดระแวง อีกปัญหาหนึ่งคือ ไม่เห็นจะเกี่ยวกับศาสนาตรงไหน ???? ตรงนี้ละครับที่เราต้องเข้าพบกับ อ.อับดุลการีม วันแอเลาะ ขอให้ท่านเขียนบทความเรื่องความสำคัญของเครือญาติ เมื่อได้บทความมา มันเสมือนว่าเรามีเครื่องมือแล้ว เราจึงลุยกันเต็มที่

ไหนจะงานส่วนตัวไหนจะงานนี้ แต่ผลของการทำงานนี้เห็นชัดเจน เมื่อมีงานกุศลของมัสยิด หรืองานส่วนตัวอื่นๆเครือญาติจะช่วยกันดีมาก ดูเหมือนว่าจะราบรื่น มาถึงปี 2540 กลุ่มเราน็อคระเนระนาดเลยครับ ก็ด้วยปัญหาเศรษฐกิจที่ซบเซา พวกเราจึงค่อยๆห่างหายกันไป…….ตกลงยังไม่ถึงจุดของศูนย์ฯอยู่ดี ติดตามตอนต่อไป…แต่ 13 ธ.ค.นี้อย่าลืมที่ปากลัดนะครับ

เพิ่มเติมข้อมูลและความเห็น